วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รหัสเทียม


รหัสเทียม

 
  รหัสเทียม หรือ ซูโดโค้ด (Pseudo Code)

เป็นคำสั่งที่จำลองความคิดเป็นลำดับขั้นตอนโดยใช้สัญลักษณ์เป็น ประโยคภาษาอังกฤษ ซึ่งซูโดโค้ดไม่ใช่ภาษาโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์จึงไม่ สามารถนำไปประมวลผลได้ คือ ไม่สามารถสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง แต่เป็นการเขียนจำลองคำสั่งจริงแบบย่อๆ ตามอัลกอริทึมของโปรแกรมระบบ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ได้

   รหัสเทียม (Pseudocode) คือ การเขียนโปรแกรมในรูปแบบภาษาอังกฤษที่มีขั้นตอนและรูปแบบแน่นอนกะทัดรัด และมองดูคล้ายภาษาระดับสูงที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งไม่เจาะจงภาษาใดภาษาหนึ่ง
ประโยชน์ของซูโดโค้ด

       เป็นเครื่องมือในการกำหนดโครงร่างกระบวนการทำงานของการเขียนโปรแกรมแต่ละโปรแกรม
        เป็นต้นแบบในการทบทวน ปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาโปรแกรมของโปรแกรมเมอร์ และนักวิเคราะห์ระบบ
        เป็นตัวกำหนดงานเขียนโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมเมอร์นำไปพัฒนาเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสั่งให้ คอมพิวเตอร์ทำงานตามกระบวนการที่ได้จำลองกระบวนการจริงไว้ในซูโดโค้ด

วิธีการเขียนซูโดโค้ด

 ประโยคคำสั่ง (Statement) จะอยู่ในรูปแบบของภาษาอังกฤษอย่างง่าย

 ในหนึ่งบรรทัด ให้เขียนประโยคคำสั่งเพียงคำสั่งเดียว

  ควรใช้ย่อหน้า เพื่อแยกคำเฉพาะ (Keywords) ได้ชัดเจน รวมถึงจัดโครงสร้างการควบคุมให้เป็นสัดส่วน ซึ่งช่วยให้อ่านโค้ดได้ง่าย

  แต่ละประโยคคำสั่งให้เขียนลำดับจากบนลงลาง โดยมีทางเข้าเพียงทางเดียว และมีทางออกทางเดียวเท่านั้น
    ตัวอย่างการเขียนรหัสเทียม Pseudo Code
Algorithm Problem_1
Variables : mLoop, Sum, testScore, average
Begin
Input mLoop
For I = 1 to mLoop
Input testScore
Sum = Sum + testScore
Next
average = Sum / mLoop
Print average
End Problem_1
รูปแบบการเขียน Pseudo Code
1. การกำหนดค่า และการคำนวณ
name = expression
name คือ ชื่อตัวแปรที่ใช้สำหรับเก็บค่า
2. การอ่าน/รับข้อมูล
การอ่านข้อมูลสามารถใช้คำสั่ง READ, INPUT หรือ GET ได้ โดย
Read variables_1 ,variables_2, variables_3
Get variables_1 ,variables_2, variables_3
READ ใช้สำหรับการอ่านค่าที่มีอยู่แล้ว มาเก็บไว้ในตัวแปร เช่น การอ่านข้อมูลจากไฟล์ โดยจะทำงานร่วมกับ OPEN (การเปิดไฟล์)
INPUT และ GET ใช้สำหรับการรับค่าข้อมูลผ่านทางแป้นพิมพ์
Variable คือ ตัวแปรที่ใช้เก็บข้อมูลที่อ่านหรือรับเข้ามา ซึ่งสามารถกำหนดได้ ตามจำนวนตัวแปรที่ต้องการ โดยใช้เครื่องหมาย “,” คั่นระหว่างชื่อตัวแปร
3. การแสดงผลข้อมูล
การแสดงผลข้อมูลสามารถใช้คำสั่ง Print , Prompt, Write
print variables_1 ,variables_2, variables_3
prompt variables_1 ,variables_2, variables_3
write variables_1 ,variables_2, variables_3
PRINT และ PROMPT ใช้สำหรับการพิมพ์ค่าข้อมูล หรือข้อความ
WRITE ใช้สำหรับการบันทึกข้อมูลลงในแฟ้มข้อมูล
5. ในกรณีที่มีหลายเงื่อนไข
การใช้ IF อาจทาให้ตรวจสอบโปรแกรมได้ยาก สามารถใช้คาสั่ง CASE …. END CASE แทนได้
ตัวอย่าง
CASE score OF
>= 80 : grade = “A”
>= 70 : grade = “B”
>= 60 : grade = “C”
< 60 : grade = “F”
ENDCASE
6. การทางานเป็นรอบ (Loop)
การทางานเป็นรอบด้วยลูป WHILE … ENDWHILE
WHILE<condition>
activity1
activity2
activity3
ENDWHILE
การทำงานของลูป WHILE จะมีการตรวจสอบเงื่อนไขก่อน โดยหากเงื่อนไขเป็นจริง จะทำกิจกรรมภายในลูปซ้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะออกจากลูปแต่หากเงื่อนไขที่ตรวจสอบครั้งแรกเป็นเท็จ ก็จะไม่มีการทากิจกรรมภายในลูปเลย
ตัวอย่าง
num = 1
WHILE num <= 20
PRINT num
num = num + 1
ENDWHILE
PRINT “STOP RUN”
7. การทำงานเป็นรอบ (Loop)
การทำงานเป็นรอบด้วยลูป DO … UNTIL
DO
activity1
activity2
activity3
UNTIL <condition>
การทำงานของลูป DO … UNTIL จะทำกิจกรรมภายในลูปก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นจะทาการตรวจเงื่อนไข โดยจะวนซ้าไปเรื่อยๆ จนกว่าเงื่อนไขจะเป็นจริง จึงหลุดออกจากลูป และถึงแม้เงื่อนไขที่ตรวจสอบเป็นจริงตั้งแต่แรก แต่ลูป DO…UNTIL ก็จะมีการทากิจกรรมภายในลูปอย่างน้อยหนึ่งรอบเสมอ
ตัวอย่าง
num = 0
DO
PRINT “HELLO…”
num = num + 1
UNTIL num > 20
8. การทำงานเป็นรอบ (Loop)
การทางานเป็นรอบด้วยลูป FOR … NEXT
FOR i=1 to n
activity1
activity2
activity3
Next
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น